วันนี้เราพาทุกคนมารู้จักกับร้าน “Charay Cafe” ร้านกาแฟที่อยู่นอกตัวเมือง ใช้เวลาเดินทางราวครึ่งชั่วโมง พื้นที่นอกกระแสที่ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวใกล้ๆเลย แต่เสน่ห์ที่ดึงดูดให้นักเดินทางยอมขับรถมาถึงนี่คือคาเฟ่เล็กๆในบ้านที่ชื่อว่า “ชาเรย์” กับบาริสต้าเจ้าของร้านที่ชื่อว่า “จเร” ร้านนี้ดียังไง สเน่ห์ของร้านอยู่ตรงไหน หาคำตอบพร้อมกันผ่านบทสัมภาษณ์นี้ได้เลย
แนะนำตัวคุณจเร คอนเซ็ปต์ร้านเป็นแบบไหน ปัจจุบันขายอะไรบ้าง
สวัสดีครับ ผมจเรนะครับ เป็นเจ้าของร้าน “Charay Café” ครับ Concept ร้านจะเน้นบรรยากาศให้ดูเป็นบ้าน ๆ หน่อยครับ เรียบง่าย ธรรมดา และเป็นกันเองครับ ไม่ปรุงแต่งอะไรมากนัก หลัก ๆ ผมจะดูแลหน้าร้านคนเดียวทั้งหมดเลย ทั้งต้อนรับลูกค้า, ทำออเดอร์, เสิร์ฟ, เก็บโต๊ะ, และคิดเงิน ในส่วนของในครัวจะเป็นคุณแม่กับน้องสาว รับหน้าที่เป็นฝ่ายปรุงอาหารครับ
ร้านของเราหลัก ๆ จะขายเครื่องดื่มประเภทกาแฟครับ มีชา และเครื่องดื่มประเภทอื่น ๆ ด้วย ในส่วนของเมล็ดกาแฟจะเป็นเมล็ด House Blend เพียงตัวเดียวครับ มีเมนูอาหารอาหารจานเดียว และเมนูของทานเล่น รวมทั้งหมด 15 เมนู นอกจากนี้จะมีเมนูเพิ่มเติมประจำสัปดาห์ เราเรียกมันว่า “เมนูตู้กับข้าว”
เมนูตู้กับข้าวจะมีแค่เฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์นะครับ ซึ่งในแต่สัปดาห์ก็จะขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นคุณแม่ทำอะไรทาน เราก็จะทำในปริมาณที่เยอะขึ้น เพื่อสำหรับขายให้ลูกค้าที่อยากทานด้วยครับ นอกจากนี้ก็มี special lunch menu ซึ่งจะเป็นเมนูพิเศษ ทำขายแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 3-4 สัปดาห์ เช่น ในตอนนี้ที่ร้านจะมีเมนู “สันคอหมูตุ๋นพะโล้” ซึ่งจะมีขายแค่เฉพาะเดือนกันยายนนี้เท่านั้นครับ
⛔️ ประกาศจากทางร้าน ขออนุญาติปิดร้านเพื่อออกเดินทางตามไฟฝัน 45 วัน ต้นเดือนพฤศจิกายนกลับมาเปิดใหม่ค่ะ รอติดตามชาเรย์คาเฟ่ซีซั่น2 กันนะคะ
แรงบันดาลใจในการเปิดร้าน เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนมั๊ย
จริง ๆ ผมเดินสายกาแฟมาตั้งแต่แรกครับ งานที่ทำงานแรกก็คือเป็นพนักงาน pass time ในร้านกาแฟ ทำงานไปเรียนไป แล้วก็เริ่มผลักดันตัวเองมาเป็น barista หลังจากนั้นก็มารับผิดชอบงานในส่วนของการเป็นผู้จัดการร้านกาแฟครับ ทำหน้าที่ในส่วนของ Operation และด้วยความที่เราเติบโตมาจากสายกาแฟ คลุกคลีอยู่กับกาแฟ เราก็เลยแอบมีความฝันเล็ก ๆ ว่าสักวันหนึ่งเราจะมีร้านกาแฟเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง
หลังจากที่ได้ทำงานประจำไปสักพักใหญ่ ก็ถึงจุดที่อิ่มตัว เราเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าปัจจุบันเรายังมีความสุขกับการเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่รึป่าว ความฝันที่อยากจะมีร้านกาแฟเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง มันใกล้ถึงเวลาที่จะได้เริ่มลงมือทำหรือยัง ในเมื่อเราเองก็ไม่ได้คิดที่จะทำงานประจำไปตลอด การไม่ลาออกจากงานประจำในตอนนี้ วันหนึ่งข้างหน้าเราก็ต้องลาออกอยู่ดี ผมจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ และเริ่มลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ร้านชาเรย์ คาเฟ่ จึงได้เกิดขึ้นมาครับ
การเปิดร้านกาแฟที่บ้านมีความยากยังไง
การเปิดร้านทำธุรกิจที่บ้าน ไม่ได้ยากตรงที่เปิดที่บ้านครับ แต่ยากตรงที่บ้านเราอยู่ที่ไหน ด้วยความที่บ้านเราอยู่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง ปัจจัยเรื่องระยะทางก็เป็นโจทย์หนึ่ง ที่เราต้องหาคำตอบให้ได้ ว่าเราจะทำอย่างไร จึงจะสามารถดึงดูดลูกค้าให้มาหาเราได้ เนื่องจากร้านกาแฟในตัวเมืองเอง ก็มีตัวเลือกที่ค่อนข้างเยอะ
ช่วงเปิดร้านแรก ๆ ก็ยอมรับว่าแอบกังวลใจนิดหน่อยครับ ว่าเปิดร้านไกลขนาดนี้จะขายได้ไหม จะมีลูกค้าไหม แต่ด้วยความที่เราไม่มีภาระหนี้สินอะไรทีัจะต้องจ่ายเลย ก็เลยก็ไม่ได้กดดันเรื่องยอดขายเท่าไหร่นัก เราเริ่มต้นธุรกิจด้วยการตั้ง target ลูกค้าเป็นคนในพื้นที่ก่อน ตอนนั้นยังไม่ได้มีความคาดหวังว่าจะมีลูกค้านักท่องเที่ยว หรือลูกค้าที่มาจากตัวเมืองเลยครับ เพราะอย่างที่บอก ร้านเราอยู่ค่อนข้างไกล แต่พอเปิดร้านได้สักประมาณ 5 – 6 เดือน ปรากฏว่าลูกค้าหลัก ๆ ของเราจริง ๆ ไม่ได้เป็นคนในพื้นที่เลยครับ มีน้อยมาก ลูกค้าส่วนใหญ่กลับกลายเป็นลูกค้าที่เดินทางมาจากตัวเมืองเกือบทั้งหมด ก็เลยทำให้เราตัดความกังวลใจเรื่องระยะทางออกไป ส่วนความยากในปัจจุบันตอนนี้ คือเราจะทำอย่างไรให้ลูกค้ายังคงกลับมาหาเราอยู่เรื่อย ๆ
เคยคิดอยากไปเปิดในตัวเมืองมั๊ย
ไม่เคยนะครับ จริงอยู่ว่าการพาตัวเองออกไปหาลูกค้าก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะสามารถเพิ่มโอกาสในการค้าขายของเราให้มากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเช่นกัน ค่าเช่า ค่าเดินทาง ค่าครองชีพ และการแข่งขันที่สูงขึ้น เราก็เลยเลือกที่จะทำธุรกิจอยู่ที่บ้านน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับเรา
ด้วยความที่ก่อนหน้านี้เราเองก็เคยเข้าไปใช้ชีวิตทำงานอยู่ในตัวเมืองมาก่อนค่อนข้างหลายปี หมายถึงกรุงเทพ ฯ หน่ะครับ เพราะเราเองก็มีความฝัน มีเป้าหมายในชีวิตของเรา ว่าการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในตัวเมืองน่าเป็นช่องทางทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ แต่เมื่อได้เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ตรงนั้นจริง ๆ นานวันเข้า เป้าหมายในชีวิตของเราก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเป็นจริงสักที บวกกับสภาพแวดล้อมของสังคมเมืองที่วุ่นวาย ยิ่งอยู่ยิ่งเหนื่อย และยิ่งอึดอัด ก็เลยทำให้เรารู้สึกว่า จริง ๆ แล้วเราไม่ได้ชอบสภาพแวดล้อมของสังคมเมืองที่เราอยู่ เราเริ่มรู้สึกคิดถึงบ้าน อยากกลับไปอยู่บ้าน ก็เลยตัดสินใจพาตัวเองออกมา
ซึ่งพอได้ออกมาใช้ชีวิตอยู่ตรงนี้จริง ๆ เราเห็นถึงความแตกต่างของการใช้ชีวิตที่ชัดเจนมาก ๆ ตื่นเช้ามาเจอต้นไม้ เจออากาศดี ไม่ต้องได้ยินเสียงรถ ไม่ต้องเห็นผู้คนวุ่นวาย ไม่ต้องเร่งรีบ ชีวิต slow life มาก ๆ มีความสุขกว่ากันมาก ๆ ก็เลยรู้สึกว่าตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกกลับมาอยู่บ้าน กลับมาทำธุรกิจที่บ้าน วันหนึ่งเมื่อเรามีร้านกาแฟของตัวเองเป็นรูปเป็นร่างขึ้น เราก็เลยไม่รู้สึกว่ามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพาตัวเองกลับออกไปอยู่ในเมืองอีก ถึงแม้ว่าคำว่าตัวเมืองในที่นี้ จะหมายถึงตัวอำเภอในจังหวัดก็ตาม
อะไรคือสเน่ห์ของร้านที่ชวนให้คนยอมเดินทางมาหาถึงที่
ผมว่าน่าจะเป็นปัจจัยรวม ๆ กันหลายอย่างมั้งครับ ที่ร้านจะดูเป็น Community เล็ก ๆ ด้วยความที่เราตั้งใจอยากทำร้านกาแฟให้เป็นเหมือนบ้านครับ อยากให้ลูกค้ามาร้านแล้วรู้สึกถึงความง่าย ๆ สบาย ๆ เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน เรียบง่าย ติดดิน เมนูอาหารง่าย ๆ รสชาติบ้าน ๆ รวมถึงราคาที่สามารถจับต้องได้ หรือแม้แต่การปฏิบัติตัวต่อลูกค้า ผมก็ค่อนข้างเป็นกันเองกับลูกค้าครับ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ พูดคุยพูดเล่น แลกเปลี่ยนทัศนคติกัน ความใกล้ชิดระหว่างผมกับลูกค้าก็เลยไม่ค่อยมีช่องว่างที่ห่างกันมากนัก
ลูกค้าที่มาที่ร้านก็จะสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเอง ทำให้ความรู้สึกเหมือนมานั่งเล่นบ้านเพื่อนซะมากกว่า มาร้านเรา มานั่งเล่น มาทานข้าว มาดื่มกาแฟ มีเพื่อนให้พูดคุย ระบายความรู้สึก หรือเล่าสู่กันฟัง พร้อมกับจ่ายค่าอาหารกลับไปในราคาเบาๆ
อย่างที่บอก เมล็ดกาแฟของที่ร้านจะเป็นเมล็ด House Blend เพียงตัวเดียวครับ ซึ่งส่วนตัวผมเป็นคนชอบทานกาแฟเข้มถึงเข้มมาก เพราะฉะนั้น กาแฟที่เรา blend ออกมา ก็เลยจะมีรสชาติที่ออกไปในโทนเข้ม เมนูกาแฟเกือบทุกเมนูในร้านก็จะค่อนข้างเข้มครับ
ถ้าจะให้แนะนำเมนูกาแฟของที่ร้าน ผมอยากแนะนำเป็นเมนู “เอสเพรสโซ่เย็น” ครับ ผมว่าเอสเพรสโซ่เย็นของที่ร้านมีสัดส่วนของส่วนผสมค่อนข้างลงตัว มีเอกลักษณ์ในความเป็นเมนูเอสเพรสโซ่เย็นของไทย ทั้งความหอมเข้มของกาแฟ การเบรนด์นม ระดับความหวาน และปริมาณกาแฟที่เสิร์ฟให้กับลูกค้า ผมว่าเมนูเอสเพรสโซ่เย็นของที่ร้านอร่อยครับ เข้ม นวลนม ความหวานอยู่ในระดับหวานน้อยครับ
สาเหตุที่ผมอยากแนะนำเมนูนี้ คือหนึ่งลูกค้าสั่งเยอะครับ และสอง อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้มีข้อถกเถียงกันด้วยว่า ในความเป็นจริงแล้วเมนูเอสเพรสโซ่เย็นมันไม่มี และมันไม่ควรมี รวมถึงเป็นเมนูที่ใครหลาย ๆ คนไม่ให้ความยอมรับ แต่สำหรับผม ผมรู้สึกว่า สิ่งเดิม ๆ ที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับ มันมีความสวยงามในแบบของมัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร ถ้าหากว่าเราจะเติมแต่งสิ่งใหม่ ๆ เข้าไป เพื่อให้ได้สิ่งใหม่เพิ่มขึ้นมา ทำให้สิ่งเดิม ๆ มันไม่จำเจ, แปลกใหม่ และมีสีสันมากขึ้น ผมว่ามันก็สนุกดี ก็เลยอยากให้ลูกค้าลองเปิดใจ และลองแวะมาชิมเมนูเอสเพรสโซ่เย็นของที่ร้านกันดูครับ
สำหรับเครื่องดื่มอื่น ๆ ก็จะเป็นชามะนาวครับ ลูกค้าที่ร้านถ้าไม่ทานกาแฟ ก็จะสั่งเป็นเมนูชามะนาวครับ จะมีความเข้มข้นของชาค่อนข้างหอม และชัด เปรี้ยวหวานกำลังพอดี ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราครับ
ในส่วนของอาหารก็อยากแนะนำเป็นปอเปี๊ยะทอดครับ ที่ร้านจะผัดไส้เอง ห่อเอง ทำน้ำจิ้มเอง เป็นเมนูของทานเล่นที่ลูกค้าจะสั่งกันเกือบทุกโต๊ะครับ ส่วนเมนูอาหารจานเดียว ผมแนะนำข้าวคลุกปลาเค็มแล้วกันครับ เครื่องเคียงจะเหมือนกับข้าวคลุกกะปิเลย แต่เราเปลี่ยนจากกะปิเป็นปลาอินทรีย์ทอด เวลาลูกค้าทานจะได้อารมณ์เหมือนกินข้าวขยำปลาเค็ม ซึ่งเราจะใช้ความเค็มจากปลาอินทรีย์ เวลาทานจะได้อารมณ์ของคำว่าบ้าน ๆ หน่อย เมนูง่าย ๆ บ้าน ๆ
ซึ่งมันก็ตรงกับ Concept ร้านที่เราตั้งไว้ครับ
มีข้อแนะนำอะไรสำหรับคนที่อยากเปิดร้านกาแฟในบ้านแบบนี้บ้าง
ผมว่าการประกอบอาชีพมันเป็นการหาสมดุลให้เจอระหว่างการหารายได้กับการใช้ชีวิตครับ เพราะเราต้องใช้ชีวิตควบคู่ไปกับมัน ก่อนอื่นเลยอยากให้ถามกับตัวเองให้แน่ใจก่อนครับ ว่าเราอยากจะทำมันจริง ๆ รึป่าว อยากให้ดูว่ามันเหมาะสม หรือตอบโจทย์กับชีวิตของเรามั้ย เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือเป็นพนักงานประจำ ผมไม่อยากให้คุณตัดสินใจทำอาชีพอะไร เพียงเพราะเห็นว่าคนอื่นทำแล้วประสบความสำเร็จ หรืออยากทำเพียงเพราะแค่อยากทำ เพราะหากคุณตัดสินใจทำเพียงเพราะแค่อยากทำ ผมว่าแรงผลักดันมันไม่พอครับ วันหนึ่งที่ธุรกิจของคุณมีปัญหา แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกผิดหวัง ท้อแท้ แต่ที่สำคัญคุณจะไม่พร้อมที่จะแก้ปัญหา และไม่มีจิตใจที่พร้อมจะสู้ไปกับมัน
แต่เมื่อไหร่ที่คุณเลือกทำอะไรเพราะคุณรักมันจริง ๆ คุณก็จะพร้อมที่จะเรียนรู้ พร้อมที่จะปรับปรุงพัฒนา ไม่ว่าธุรกิจจะเจอกับปัญหาอะไร คุณก็พร้อมที่จะรับมือ และพร้อมที่จะหาทางออกให้กับมันอยู่เสมอครับ และสำหรับคนที่อยากเปิดร้านกาแฟจริง ๆ นะครับ ผมคิดว่าคนเราเกิดมามีเพียงชีวิตเดียว ไม่ว่าจะเลือกทำอะไรสักอย่างให้กับชีวิตตัวเอง ก็ควรสนับสนุนตัวเองให้เต็มที่ครับ ถ้าปัจจัยต่าง ๆ มันเอื้ออำนวยให้เราพร้อมที่จะลงมือทำในสิ่งที่เราอยากทำ ก็ลงมือทำได้เลยครับ
ไม่จำเป็นต้องวางกรอบหรือเงื่อนไขอะไรให้กับชีวิตตัวเองมากมายนัก ไม่ต้องกังวลว่าร้านจะต้องตั้งอยู่ที่ไหน ไม่ต้องกลัวว่าจะขายได้ไหม หรือกังวลว่าทำออกมาแล้วลูกค้าจะชอบหรือเปล่า เป็นตัวเองในแบบที่ตัวเองอยากเป็นก็เพียงพอแล้วครับ ทำในแบบที่ตัวเองถนัด เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าเราจะเป็นตัวเองในแบบไหน ก็จะมีทั้งคนที่ชอบ และคนที่ไม่ชอบ มันเป็นเรื่องธรรมชาติครับ ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ทำให้เต็มที่ และทำให้ดีที่สุด โฟกัสเฉพาะคนที่เข้าใจเราในแบบที่เราเป็นก็พอครับ อย่ากลัวที่จะเสี่ยง ถ้าโชคไม่ดี ผลลัพธ์มันไม่ออกมาตามแบบที่เราคาดหวัง ก็แค่ยอมรับมัน และเริ่มต้นเดินทางใหม่ แค่นั้นเองครับ
มีส่วนไหนที่อยากพัฒนา เพื่อให้ลูกค้ายังแวะเวียนมาเหมือนเดิม
4 ปีกว่าที่เราเปิดร้านมา เราเองก็ค่อย ๆ ปรับปรุงพัฒนาร้านมาตลอดครับ ดูตามความเหมาะสม และดูตามความต้องการของลูกค้า จากตอนแรกร้านไม่มีอะไรเลยครับ ติดดินแบบมาก ๆ ที่นั่งน้อยมาก ในร้านสามารถรองรับลูกค้าได้แค่ 4-6 คนเท่านั้นเอง ที่นั่งด้านนอกก็ยังไม่มี มีเพียงเคาน์เตอร์เล็ก ๆ กับเครื่องชงกาแฟหัวชงหัวเดียวเท่านั้นเอง อาหารก็ยังไม่มีขาย แต่หลังจากเมื่อเรามีลูกค้าเยอะมากขึ้น เราก็เริ่มขยับขยายพัฒนามาเรื่อย ๆ ครับ เมนูเยอะขึ้น ที่นั่งเยอะขึ้น ปลูกต้นไม้เยอะขึ้น บรรยากาศร่มรื่นขึ้น
ปัจจุบันเราเองก็มีแผนในใจอยู่ครับ ว่าจะพัฒนาต่อยอดอะไร เนื่องด้วยธุรกิจก็เปิดมาสักพักใหญ่แล้ว แต่อนาคตมันเป็นสิ่งไม่แน่นอนครับ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โลกเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน เทรนด์ใหม่ ๆ ก็เปลี่ยน ความต้องการของลูกค้าก็เปลี่ยน แม้แต่ตัวเราเอง เราเองก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าเราจะยังเป็นเราในแบบที่เราเป็นอยู่ตอนนี้มั้ย บางทีในอนาคตข้างหน้า เราอาจเป็นใครอีกคนที่เราไม่รู้จัก เราอาจจะไม่ได้หลงใหลหรืออินกับสิ่งที่เราอินอยู่มาก ๆ เหมือนอย่างตอนนี้แล้วก็ได้ ไม่มีใครรู้ ผมเลยเลือกที่จะให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากกว่า พยายามเป็นเราในแบบที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ และทำมันให้ดีที่สุดต่อไป ในส่วนของอนาคต จะมีการปรับปรุง เพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงอะไร ก็คงจะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัย และสภาวะแวดล้อมในช่วงเวลานั้น ๆ ด้วยครับ
ฝากข้อความถึงลูกค้า
สำหรับลูกค้าเก่าที่เป็นลูกค้าประจำของผมอยู่ตอนนี้นะครับ ผมอยากขอบคุณพวกคุณมาก ๆ ครับ การที่ร้านผมมาได้ไกลขนาดนี้เพราะได้รับการสนับสนุนจากพวกคุณอยู่ตลอดครับ รู้สึกยินดี และขอบคุณมาก ๆ ก็กลับมาหากันอยู่ตลอดนะครับ หวังว่าจะรักเรา ในแบบที่เราเป็นอยู่แบบนี้ตลอดไปนะครับ
และสำหรับใครที่ยังไม่เคยแวะมาร้านนะครับ ผมอยากบอกให้คุณรู้ว่า ชะอำ-หัวหิน ไม่ได้มีแค่ทะเลอย่างเดียวนะครับ เรายังมีฝั่งตะวันตกที่เป็นฝั่งภูเขาอีกด้วย อยากให้ลองเปลี่ยนบรรยากาศจากมาเที่ยวทะเล เดินชายหาด ลองขับรถเล่นมาทางฝั่งภูเขาดูบ้าง ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูครับ หากบางครั้งคุณรู้สึกเบื่อตัวเมือง อยากหนีผู้คน หนีความวุ่นวาย อยากมองหาร้านกาแฟเล็ก ๆ สำหรับนั่งพักผ่อน ผู้คนไม่พลุกพล่าน ผมอยากฝากร้าน ชาเรย์ คาเฟ่ ไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกนะครับ ขอบคุณครับ
ข้อมูลติดต่อร้าน
☕️ Charay Café
⏰ 08:00- 16:30 น. (หยุดวันจันทร์)
📱 081 363 8885
🚩 เส้นทางที่สะดวกที่สุดคือเริ่มต้นจากแยกห้วยตะแปด ตรงไปด้านทิศตะวันตกผ่านอ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด, สนามกอล์ฟสปริงฟิลด์ หรือกดตามแผนที่ได้เลย Google Maps