วันนี้เราอยู่กันที่ร้าน “BAKEitsmore” ร้านของหวานแบบ Chef’s table แห่งเดียวของหัวหิน ขนมที่นี่ทุกจานผ่านการคิดและพัฒนาโดย “คุณปุ้ย” ผู้รักขนมไทย ที่ตัดสินใจไปเรียนการทำขนมอย่างจริงจัง และจบออกมาด้วยคะแนนอับดับ 1 จากสถาบัน “เลอ กอร์ ดอง เบลอ” ขนมทุกเมนูของที่นี่จึงมีความพิเศษที่หาจากที่ไหนไม่ได้ ทุกจานผ่านกระบวนการออกแบบให้ได้ทั้งความอร่อย นำเสนอเอกลักษณ์พื้นถิ่น และใช้ทุกวัตถุดิบได้อย่างคุ้มค่าและลงตัว
เรื่องราวของคุณปุ้ยจะเป็นยังไง ขนมของร้าน “BAKEitsmore” จะมีความพิเศษแค่ไหน หาคำตอบพร้อมกันผ่านบทสัมภาษณ์นี้ได้เลย
แนะนําตัวคุณปุ้ย และร้าน “BAKEitsmore”
ปุ้ย-ณวรัตน์ แนวบรรทัด นะคะ เป็นเจ้าของห้องขนมที่ชื่อว่า “BAKEitsmore at huahin” ค่ะ ปุ้ยเองเป็นเด็กหัวหิน เติบโตที่นี่ ก่อนหน้านี้ทำงานเป็นพนักงานต้อนรับและอื่น ๆ ในแผนก front office ค่ะ หลังจากลาออกจากงานโรงแรม ก็ไปเรียนทำขนมต่อที่สถาบันแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ (เลอ กอร์ ดอง เบลอ ดุสิต) พอเรียนจบ ในระหว่างที่กำลังหางานใหม่ที่เกี่ยวกับการทำขนม ทางโรงเรียนก็ได้ชักชวนให้ไปทำตำแหน่ง admin หรือผู้ช่วยเชฟขนมด้านเอกสารต่าง ๆ อยู่ได้เกือบ 4 ปี ก็ขอลาออก เพราะอยากกลับมาอยู่ที่หัวหินค่ะ
ตอนนี้ที่ห้องขนมจะจัดคอร์สเมนูที่ชื่อว่า “Dessert Experience” เป็นการเสิร์ฟขนมคู่กับชาจีนให้ลูกค้าได้ลองลิ้มรสประสบการณ์ขนมแบบใหม่ ๆ จากประสบการณ์ที่เราได้ร่ำเรียนมา ซึ่งจะรับลูกค้าทุกวันพฤหัสบดี – อาทิตย์ รอบแรกเริ่มตั้งแต่เวลา 12:00 น. เป็นต้นไปค่ะ หรือแล้วแต่ช่วงหากมีลูกค้าติดต่อขอรอบพิเศษเพิ่มเติมค่ะ และขออนุญาตรับจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน ไม่รับ walk-in นะคะ นอกจากนี้ปุ้ยก็ยังรับทำเค้กในโอกาสพิเศษ ขนมในรูปแบบอื่น ๆ แล้วแต่ทางลูกค้าสนใจหรือสั่งทำเป็นพิเศษค่ะ
อะไรคือจุดเริ่มต้นของการเปิดร้านขนมหวาน และชื่อ “BAKEitsmore” มีที่มายังไง
จุดเริ่มต้นของการทำขนม คือ ตอนเด็ก ๆ เห็นลูกพี่ลูกน้องนั่งตกแต่งเค้กปอนด์กันแล้วรู้สึกประทับใจ จากแค่ก้อนเค้กธรรมดา ๆ สีน้ำตาล พอแต่งออกมาแล้วมันสวยมาก เลยติดใจตั้งแต่นั้นมาค่ะ พอไปบ้านพี่ก็จะนั่งเปิดดูหนังสือการทำและตกแต่งเค้ก ดูรูปไป อ่านไป แล้วรู้สึกมีความสุข ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องทำขนมแบบนี้ เพราะพื้นฐานเป็นคนชอบทานขนมไทยฝีมือของคุณย่ามาก ตอนที่คุณย่ายังอยู่ แกชอบทำขนมไทยไปขายที่ตลาดฉัตรไชยทั้งที่แกอายุเยอะแล้ว เสียดายที่ตอนนั้นปุ้ยยังเด็กเกินเลยไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาเลย ปุ้ยเริ่มฝึกทำขนมครั้งแรกตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย จนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่กับเตาอบและเครื่องตีแป้งมา 15 ปีแล้วค่ะ มาเป็น Bakeitsmore จริง ๆ ก็น่าจะราว ๆ ปี 2010 จนถึงปัจจุบันนี่แหละค่ะ
ส่วนชื่อ “BAKEitsmore” มาจากคุณแม่ค่ะ อาจจะดูเป็นคำที่ผิดแกรมมาร์ แต่ว่าจริง ๆ แล้วชื่อนี้มีนัยยะ 2 แบบ ความหมายแรก คือ ตอนที่ทำขนมใหม่ ๆ ก็ทำวางไว้หน้าออฟฟิศของห้องพักของที่บ้าน พอขนมหมด แม่ก็จะเรียกให้ไปทำขนมมาวางขายเพิ่มค่ะ ส่วนอีกหนึ่งความหมาย คือ เป็นอะไรที่มากกว่าการอบ เพราะสำหรับปุ้ย ขนมคือของขวัญชิ้นหนึ่ง ดังนั้นเราต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุดค่ะ ปุ้ยอยากให้ทั้งคนซื้อและคนได้รับมีความสุขทั้งคู่ อย่างเช่น การทำเค้กก้อนหนึ่ง ปุ้ยจะคุยรายละเอียดกับลูกค้าค่อนข้างเยอะ เพื่อให้ตรงกับตัวตนของผู้รับมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำแบบนี้อยู่ค่ะ
คอนเซปต์ของร้านคืออะไร ถ้าให้อธิบายความเป็นตัวตนของ BAKEitsmore สั้น ๆ จะให้คำนิยามว่ายังไง
ต้องขอบอกก่อนว่าสำหรับ BAKEitsmore ไม่เคยมีคอนเซปต์ค่ะ มีแต่ความตั้งใจทำล้วน ๆ ก่อนที่จะเปิดเป็นห้องขนมและขายคอร์ส Dessert Experience ทางปุ้ยก็มีช่วงหมดไฟจนอยากจะเลิกทำขนมและกลับไปหางานประจำทำต่อ แต่อุปกรณ์ในห้องทำขนมของปุ้ยก็ช่างเยอะเสียเหลือเกิน เพราะอยากทำได้ทุกอย่าง แต่เรารู้สึกว่าไม่เห็นเอกลักษณ์ของขนมตัวเองเลย ถึงขนาดนั่งร้องไห้กับแฟนและเพื่อนว่าไม่อยากทำแล้ว จนแฟนให้กำลังใจว่า งานที่ปุ้ยทำออกมานั่นแหละ คือตัวตนและเอกลักษณ์ของปุ้ยเอง ความใส่ใจและความตั้งใจต่าง ๆ ที่ใส่ลงไปในขนมแต่ละชิ้น คือเอกลักษณ์ที่ปุ้ยไม่ต้องไปเทียบกับใครเขาเลย ดังนั้นคำนิยามของ BAKEitsmore ของปุ้ย ณ ตอนนี้ คือ ความตั้งใจและใส่ใจในทุกรายละเอียดของขนมที่ทำออกมาค่ะ
ย้อนกลับไปครั้งแรกที่ทดลองเปิดก็วางขนมในตู้นี่แหละค่ะ ลงเพจลงอะไรบ้าง แต่มันก็ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก งั้นเราลองทำเป็น Chef’s Table ดีไหมนะ คำว่า Dessert Experience ในความหมายของปุ้ยก็คือการควบระหว่าง Chef’s Table และโอมากาเสะเข้าด้วยกัน ปุ้ยลองเอาสิ่งที่เรียนมาร้อยเรียงใหม่ ฉะนั้นลูกค้าก็จะได้ทานขนมแทบทุกประเภทที่ปุ้ยศึกษามาค่ะ
ที่มาของขนมหวานในคอร์สแต่ละจาน ปุ้ยได้แรงบันดาลใจมาจากความชื่นชอบในรสชาติและพิมพ์ขนมที่ซื้อมาค่ะ พอได้พิมพ์มาแล้ว ก็มานั่งคิดว่าจะทำขนมอะไรใส่เข้าไปในนั้นดี จะทำให้มันออกมารูปแบบไหน มีความสนุกยังไง เช่น ขนมที่ชื่อว่า “Mandarin” รูปลักษณ์คือส้ม ข้างในก็ส้ม แต่เป็นเจลเนื้อส้มแมนดารินและผิวส้มเชื่อม พร้อมมูสครีมชีสรสละมุน ทานตัดรสกับเค้กอบเชยที่มีกลิ่นหอม ๆ เคลือบด้วยไวท์ช็อกโกแลตให้ออกมาเป็นลูกส้มอย่างที่ตั้งใจค่ะ
หรืออย่างรอบล่าสุดที่กินกันก็จะเป็น “Baba au rhum” อาจเป็นเค้กที่ไม่ค่อยถูกจริตกับคนไทยเท่าไรนัก แต่ปุ้ยก็อยากให้ลูกค้าได้ลองรสสัมผัสใหม่ ๆ ซึ่งตัวเค้ก Baba จะเหมือนขนมปังแห้ง ๆ ก่อนทานต้องนำไปแช่ในน้ำเชื่อมก่อน ตามต้นฉบับมันคือน้ำเชื่อมที่ใส่เหล้ารัมเลยค่ะ แต่เราจะยืนพื้นเป็นขนมที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ดังนั้นปุ้ยจึงมีเหล้าส้มหลอดเล็ก ๆ ให้ลูกค้าลองหยอดดู เป็นกิมมิกความสนุกที่แทรกเข้ามาค่ะ หรือบางเมนูก็จะใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น เช่น “Tropical island” ที่จะ represent ความเป็นจังหวัดประจวบฯ ก็จะใช้เป็นมูสมะพร้าว และสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียค่ะ
ขนมทุกตัวมีสตอรีในตัวมันเองค่ะ เวลาที่ปุ้ยคิดเมนูใหม่ ๆ ปุ้ยจะจินตนาการลงบนกระดาษ ดังนั้นสตอรีของขนมในที่นี้จึงเป็นกรรมวิธีในการปรุงแต่งรสชาติ และประกอบให้มันขึ้นเป็นรูปร่างอย่างที่ปุ้ยจินตนาการไว้ และที่สำคัญ ปุ้ยพยายามเลือกใช้วัตถุดิบที่มีอยู่มาลองผสมผสานเป็นเมนูใหม่ ๆ เพราะปุ้ยมองเรื่องของ “Food Waste” ที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นจึงพยายามหมุนวนใช้วัตถุดิบตัวเดียวกัน แล้วสร้างขนมใหม่ ๆ ขึ้นมา และทำให้เหลือทิ้งน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
ประสบการณ์แบบไหนที่อยากให้ลูกค้าได้รับเมื่อมาทานขนมหวานที่ BAKEitsmore
อยากให้ลูกค้ามาแล้วรู้สึกเหมือนมานั่งทานขนมที่บ้านเพื่อน บรรยากาศสบาย ๆ ได้พักผ่อนและเพลิดเพลินกับขนมตรงหน้า โดยที่เพื่อนคนนี้จะเป็นผู้อธิบายส่วนประกอบและกรรมวิธีในการทำขนมให้ลูกค้าได้ฟังและเข้าใจว่ากำลังทานอะไรอยู่ค่ะ ซึ่งขนมจะถูกประกอบสดใหม่ล่วงหน้าก่อนลูกค้าเดินทางมาถึงร้าน ลูกค้าจะได้เพลิดเพลินไปกับการทานขนม ควบคู่กับชาจีนที่ปุ้ยคัดสรรมาแล้วว่าเหมาะกับขนม นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่าง ๆ ด้วยกัน ปุ้ยอยากให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การทานขนมที่ทั้งอร่อยและได้อรรถรสในการสนทนากับคนทำขนมค่ะ
ในการทำคอร์สขนมหวานแบบ “Dessert Experience” ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรบ้าง
ทุกเรื่องค่ะ ปุ้ยคิดเสมอค่ะว่า ขนมอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักของชีวิต แต่เชื่อว่าการได้ทานขนมที่อร่อยคือความสุข และเป็นความสุนทรีย์ของชีวิตรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นปุ้ยจึงเลือกที่จะทำขนมให้แตกต่างในแบบของปุ้ยเอง ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งเกิดจากการทดลองอย่างพิถีพิถันจนได้ส่วนผสมและรสชาติที่ลงตัว ทุกเมนูที่นำเสนอออกไปนั้น ปุ้ยเน้นประสาทสัมผัสในหลาย ๆ ด้าน ทั้งหน้าตา รูปร่าง รสสัมผัสต่าง ๆ และรสชาติของขนมเป็นหลักค่ะ
มองภาพอนาคตของร้านไว้ยังไง มีแนวคิดหรือโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่อยากลองทำเพิ่มเติมไหม
อนาคตของร้าน ณ ตอนนี้ ยังอยากเป็นห้องขนมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหัวหินไปเรื่อย ๆ ก่อนค่ะ ปุ้ยอยากให้คนหัวหินได้ทานของที่อร่อยและสนุก ถ้ามีโอกาสก็ไปร่วมกับร้านอื่นบ้าง อย่างล่าสุดก็ได้รับคำชวนจากร้าน Norm Artisanal Tea Project ทำคอร์สเมนูในโปรเจกต์ที่ชื่อว่า “Eastern teas meet Western desserts” ซึ่งเป็นการจับคู่ชาและขนมหวานตะวันตก ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นจากจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ถือเป็นอะไรที่ท้าทายตัวเองอยู่พอสมควร แต่ก็ดีใจที่ได้ผลตอบรับทั้งเรื่องขนมและชากลับมาค่อนข้างดีเลยค่ะ และหากมีโอกาสอีก ปุ้ยก็อยากลองทำร่วมกับร้านอื่น ๆ ดูบ้างนะคะ
ตอนนี้อยากลองทำเมนูประยุกต์ผสมผสานขนมไทยเข้ามาในคอร์สขนมของ BAKEitsmore ดูบ้างค่ะ และตั้งใจว่าอีกสักปีคงขยับขยายร้านอย่างเป็นทางการ และไปพบปะผู้คนที่อยากมาทานขนมของ BAKEitsmore ให้มากขึ้นค่ะ นอกจากนี้ก็อยากทำ workshop ในหัวหิน ทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อให้มีพื้นที่กิจกรรมให้ได้เรียนรู้และผ่อนคลายความเครียดจากชีวิตประจำวันกันบ้างค่ะ
ฝากคำแนะนำถึงคนที่อยากจะใช้สิ่งที่รักมาทำเป็นอาชีพ มีอะไรที่ต้องคำนึงถึงบ้าง
อย่างแรกอยากบอกว่าสู้ ๆ นะคะทุกท่าน การทำขนมเป็นอาชีพที่เหนื่อยจริง ๆ ค่ะ หากไม่ใช่ใจรักเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงถอดใจกันไปแล้ว ด้วยสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ อยากให้เพื่อนร่วมอาชีพทุกท่านสู้แค่พอตัวเองไหวและอยู่ได้ คำนวณราคาวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดี อย่าให้เข้าเนื้อจนไปต่อไม่ไหวก็พอค่ะ และอยากให้มั่นใจว่าการทำสิ่งที่เรารัก ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน แค่รอยยิ้มหรือคำชม ก็เป็นแรงผลักดันให้เรามีแรงลุกขึ้นมาใหม่ได้เสมอค่ะ
สรุปส่งท้าย หากมีผู้สนใจอยากมาลอง Dessert Experience ของร้าน BAKEitsmore สามารถติดต่อหรือดูรายละเอียดได้จากช่องทางไหนบ้าง
ช่องทางติดต่อสามารถเข้าไปดูได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “BAKEitsmore at Huahin” นะคะ ทักติดต่อสอบถามเข้ามาตามรายละเอียดการติดต่อที่อยู่บนเพจได้เลยค่ะ หรือติดตามได้ทางอินสตาแกรม “bakeitsmorehh” ลองมาเปิดใจให้ขนมและชาจีนในบรรยากาศสบาย ๆ ที่บ้านเพื่อนกันดูนะคะ
ข้อมูลติดต่อ
🧁 BAKEitsmore at Huahin
🚗 สมอโพรง สะพาน 8 (อยู่ในบ้านณัฐวรรณ รีสอร์ท)
📆 เปิดเฉพาะวันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์
⏰️ 10.00 – 20.00 น.
📞 096 164 6296
🌏 แผนที่ Google Maps