HuaHin Next-Gen People

สัมภาษณ์คุณเอ็ด “ร้านกาฝาก” ขนมปังสังขยาชื่อดัง ที่ตั้งใจให้เป็นร้านประจำเมือง

วันนี้เราอยู่กันที่ร้าน “กาฝาก” ร้านขนมปังสังขยาที่หลายคนยกให้เป็นอันดับหนึ่งของหัวหิน คุยกับ “คุณเอ็ด” นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง เจ้าของร้านที่จะมาเล่าเรื่องราวของร้านนี้ให้เราฟัง ความบังเอิญที่เกิดจากความตั้งใจ ความก้าวหน้าที่เกิดจากความใส่ใจ และความสำเร็จที่เกิดจากการทุ่มเทแรงใจ ร้านกาฝากจะน่าสนใจแค่ไหน วิสัยทัศน์ของคุณเอ็ดเป็นยังไง หาคำตอบพร้อมกันผ่านบทสัมภาษณ์นี้ได้เลย


เลือกดูจากหัวข้อ ปิดสารบัญ

แนะนำตัวคุณเอ็ด และร้านกาฝาก สังขยาหัวหิน

สวัสดีครับ ผมเอ็ด-ศรัณย์ อัศวประเสริฐดี ปัจจุบันทำร้านกาฝาก สังขยาหัวหิน ที่ร้านจะทำสังขยาเองวันต่อวัน มีสังขยาใบเตย สังขยาชาไทย ขนมปังปิ้ง ขนมปังนึ่ง ครอฟเฟิล รวมถึงเมนูชา กาแฟ นมสด ชาไทยหิมะ และเครื่องดื่มอื่น ๆ เปิดให้บริการเวลา 14:00 – 21:30 น. หยุดทุกวันอังคารครับ


จุดเริ่มต้นของการเปิดร้านขนมปังสังขยา คอนเซ็ปต์ และที่มาของชื่อร้าน “กาฝาก”

เริ่มจากช่วงโควิดเราติดไฟแดงฝั่งตรงข้ามแล้วหันมามองตรงนี้ เห็นว่าทำเลมันดี และคิดว่าเป็นโอกาส ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร คิดแค่ว่าจะทำร้านขายของฝาก ตอนตั้งชื่อร้านผมก็เปิดพจนานุกรมก่อนเลย เจอตัวอักษร ก ไก่ ได้คำว่า “กา” มาก่อน แล้วเราก็คิดว่า กาฝาก – ของฝากมันก็เข้ากันดี จึงตัดสินใจใช้ชื่อร้านว่า “กาฝาก” ครับ

ช่วงที่เปิดร้านขายของฝาก พอเอาเข้าจริงมันก็ไม่ค่อยได้ยอดขายเท่าไรนัก ทำให้เราต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่ตัดสินใจทำร้านขนมปังปิ้ง เพราะมันทำง่าย น้อง ๆ ในร้านสามารถอาศัยประสบการณ์พื้นฐานทำได้ ช่วงแรก ๆ ปรับเปลี่ยนสูตรกันบ่อยมาก พัฒนามาเรื่อย ๆ ใช้แต่วัตถุดิบดี ไม่ได้คิดถึงเรื่องกำไร ต้นทุนเลย คิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้คนเข้ามาก่อน เปลี่ยนจากร้านกระจกมาเป็นประตู แล้วก็ติดเครื่องปรับอากาศ ตั้งชื่อร้านให้มีสินค้าเป็นนามสกุลต่อท้าย ตอนแรกเป็นสังขยา กาฝาก แล้วก็เปลี่ยนเป็น “กาฝาก สังขยา ขนมปังปิ้งหัวหิน” เพราะชื่อที่ต่อท้ายจะทำให้คนรู้ว่าควรจะเข้ามาซื้ออะไร จริง ๆ ผมไม่มีประสบการณ์เรื่องอาหารเลย แต่เวลาเราทำอะไรก็จะคิดอยู่เสมอว่าถ้าเราเป็นลูกค้าจะชอบไหม

เราตั้งใจแต่งร้านให้เป็นสไตล์ย้อนยุค เพราะอยากให้เป็นเหมือนพื้นที่ในการพบปะเพื่อนตอนเย็น ๆ เมนูของเราจึงไม่ได้มีรูปแบบอะไรเป็นพิเศษ เราอยากเน้นไปที่เรื่องการบริการ อารมณ์และบรรยากาศในร้าน ทำร้านให้ดี มีแบรนด์ดิ้งมากกว่าครับ เราพาทีมงานไปเยาวราชเพื่อให้เห็นบรรยากาศจริง ๆ เลย


ตอนนี้ที่ร้านมีเมนูอะไรบ้าง แต่ละอย่างมีความพิเศษยังไง เมนูไหนอยากแนะนำ

ร้านของเราจะเน้นสังขยาเป็นหลัก ปัจจุบันมี 2 แบบ คือ สังขยาใบเตยกับชาไทย ดังนั้นเราก็จะเน้นไปที่การหาอะไรมาจิ้มกับสังขยามากกว่าครับ มีทั้งขนมปังปิ้ง ขนมปังนึ่ง ครอฟเฟิล ซึ่งจะเป็นตัวที่ลูกค้าสั่งกันเยอะ นอกจากนี้ก็มีขนมปังสังขยาใบเตยใส่ไอศกรีมกะทิ ส่วนตัวเครื่องดื่มช่วงนี้ลูกค้าจะนิยมทานชาไทยหิมะกันเยอะครับ


คุณเอ็ดใช้กลยุทธ์อะไร ที่ทำให้ร้านกาฝากเป็นที่รู้จัก และเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่ตอนที่เริ่มเปิดร้านใหม่ ๆ จนถึงปัจจุบัน เราจะให้น้องถ่ายคลิปลง TikTok วันละ 1 คลิป เลือกเพลงที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนั้น ๆ คนดูก็เริ่มเพิ่มจากหลักร้อย ขยับมาหลักพัน หลักหมื่น หลักแสน จนไปแตะหลักล้าน ซึ่งผมทำโดยไม่ได้วิเคราะห์เป็นหลักการอะไรเลย เพียงแต่เรารู้สึกว่าลงแบบนี้แล้วคนดู แล้วก็เริ่มมาที่ร้านเยอะขึ้น วิธีการของผมคือจะไม่จ้างอินฟลูเอนเซอร์เลย เพราะเราอยากให้ร้านเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยตัวของมันเอง เน้นทำโซเชียลมีเดียสม่ำเสมอ ซึ่งที่ร้านก็จะใช้ TikTok เป็นหลัก และใช้ความรู้สึกว่าถ้าเราเป็นนักท่องเที่ยวผ่านมาเห็นร้านนี้แล้วอยากแวะ ทำให้คนเห็นร้านเราก่อน ซึ่งปัจจุบันลูกค้าส่วนหนึ่งก็มาเพราะว่าเห็นหน้าร้านแล้วสะดุดตาครับ


ปัญหาและอุปสรรคที่เจอตอนเริ่มเปิดร้านใหม่ๆ

แรก ๆ ก็เป็นเกี่ยวกับระบบตัวร้าน เรื่องในครัว เรื่องการบริการบางอย่างบ้าง แต่ก็ได้พี่ที่รู้จักมาช่วยดูและให้คำแนะนำ ส่วนสถานที่ก็จะเป็นเรื่องไม่มีที่จอดรถ หาที่จอดรถยาก แต่ลูกค้าส่วนมากก็เข้าใจ ส่วนปัญหาอื่น ๆ ก็เป็นธรรมดาของการทำธุรกิจที่เราต้องเจอ เราก็คอยแก้ปัญหาไปเรื่อย ๆ ครับ


มองภาพกาฝากในอนาคตไว้ยังไง อยากจะพัฒนาร้านไปทางไหน

ผมอยากให้ร้านกาฝากเป็นร้านของหัวหินเลยครับ ยังไม่มีแพลนจะขยายร้าน ไม่ได้เน้นขายแบรนด์ หรือขายแฟรนไชส์ ผมจะให้น้องจัดการกันเอง แล้วเราเป็นคนซัพพอร์ต คอยฟังเสียงพนักงาน เป็นที่ปรึกษาให้มากกว่า อย่างตอนแรกเราเปิดถึงดึกเลยแต่ผมมองแล้วว่าพนักงานทำกันไม่ไหว กว่าจะได้กลับบ้านก็เที่ยงคืน เราก็ปรับเวลามาเปิดถึงแค่ 21:30 น. ให้สบายขึ้น ไม่เหนื่อยเกินไป เพราะผมเชื่อว่าเราต้องทำแล้วมีความสุขก่อน ร้านมันถึงจะยั่งยืนครับ


Smell Lemongrass คืออะไร จุดเริ่มต้นมาจากไหน

Smell Lemongrass จะเป็นสินค้าของผลิตภัณฑ์ตะไคร้ครับ จุดเริ่มต้นเกิดจากการที่เราทำสบู่หลาย ๆ กลิ่น แล้วกลิ่นตะไคร้ขายดีที่สุด ประกอบกับเวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วก็เริ่มจินตนาการว่าถ้าเราเป็นนักท่องเที่ยวก็คงไม่มาซื้อกลิ่นลาเวนเดอร์ ผมคิดว่าธุรกิจมีสินค้าตัวเดียวที่เป็นพระเอก ถ้ามันมีแล้วดี ไม่ได้แย่ ผมคิดว่ามันก็ไปต่อได้ เราก็แค่หาสินค้าตัวหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งตะไคร้สามารถนำมาแปรรูปได้หลายอย่าง เช่น เทียน สบู่ ธูป เครื่องไม้หอม ก้านไม้หอม เราก็เลยเลือกทำแค่ตะไคร้ แล้วผลตอบรับก็ออกมาดี

สินค้าของเราจะทำโดยกลุ่มแม่บ้านที่มีความเชี่ยวชาญต่างกันไป เราก็จะออกแบบแพ็กเกจและสินค้าไปให้เขา เพราะผมเรียนออกแบบผลิตภัณฑ์มา ทำให้มีพื้นฐานด้านการออกแบบ และรู้หลักการแปรรูปผลิตภัณฑ์ แล้วก็มีไปเรียนทำสบู่ด้วย ผลิตภัณฑ์แรกที่ทำคือสบู่อาบน้ำแบบเรียบ ๆ ง่าย ๆ ขายครั้งแรกที่ Cicada Market ช่วงนี้ก็ยังมีขายอยู่ ต่อมาก็มาเปิดที่ตลาดโต้รุ่ง ตลาดนัดจตุจักร เอเชียทีค ขายตามห้าง ตอนนี้ก็มีผลิตภัณฑ์ประมาณ 30 ตัวได้ครับ


กลุ่มลูกค้าคือใคร และอยากจะพัฒนาแบรนด์ไปทางไหน

กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่มักซื้อไปใช้และซื้อไปเป็นของฝาก บางคนก็ซื้อไปขาย แล้วก็มักจะวนกลับมาซื้อซ้ำ ตัวแบรนด์เราทำมา 7 ปี มีทั้งหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ Shopee Lazada และ TikTok Shop ช่วงนี้ก็กำลังไปเปิดที่ One Nimman เชียงใหม่ด้วยครับ และถ้าเป็นที่หัวหินตอนนี้ผมก็กำลังสร้างที่ทำเทียนอยู่ที่ออฟฟิศ อยากให้เป็นสถานที่สำหรับ Workshop ทำเทียน หรือผลิตเทียนเอง คาดว่าน่าจะเสร็จในอีกประมาณ 3-4 เดือนข้างหน้า

รวมถึงผมก็กำลังสร้างแบรนด์ใหม่ ชื่อ “Farmhom” เริ่มทำมาได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว เป็นผลิตภัณฑ์คล้าย ๆ กับ Smell Lemongrass แต่ไม่ทับไลน์กัน แยกแบรนด์กันอย่างชัดเจน ผลิตภัณฑ์ของ Farmhom จะเน้นไปที่ผลไม้ มีกลุ่มลูกค้าเป็นวัยรุ่น ดังนั้นสไตล์ของร้านก็จะมีความทันสมัยขึ้นด้วย กลิ่นและความรู้สึกจะต่างกับ Smell Lemongrass เลย ตอนนี้มีเปิดที่ตลาดนัดจตุจักร และ HuaHin Market Village ชั้น 2 ครับ

นอกจากนี้ผมมีความฝันอยากให้แบรนด์เข้าไปอยู่ใน Duty Free ในสนามบิน ถ้าถึงตรงนั้นมันก็อาจจะมีโอกาสไปต่อได้ ผมเชื่อว่าการทำอะไรสักอย่างช่วงแรก ๆ อาจจะยังไม่ได้เห็นผล แต่พอทำไปแล้วมันจะมีโอกาสเข้ามา เช่น การได้เปิดร้านในห้าง แรก ๆ เราก็ไม่ได้มีความรู้ แต่พอเราไปเปิดที่จตุจักร ห้างเขาก็มาชวน ผมคิดว่าถ้าเราไปอยู่ที่สนามบิน ก็อาจจะมีโอกาสออกไปสู่ตลาดข้างนอกได้


ฝากข้อแนะนำถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง

จริง ๆ ผมชอบอ่านหนังสือชีวประวัติของนักธุรกิจ ผมคิดว่าองค์ประกอบสำคัญที่สุดเลยคือทำด้วยใจ ไม่มองแค่เรื่องรวยอย่างเดียว เพราะบางอย่างทำแล้วอาจไม่ได้เงิน กำไรมันอาจจะมาในอีก 5 ปีข้างหน้าก็ได้ พยายามคิดแทนว่าถ้าเราเป็นลูกค้าแล้วเราชอบไหม ถ้าไม่ชอบ อย่าไปทำ บางอย่างเราอาจจะไม่ถนัด แต่เรามองเห็นโอกาส และรู้สึกว่าทำได้ ก็ให้เริ่มต้นจากเท่าที่เรามี แล้วก็ตั้งใจในทุก ๆ สเต็ป ผมจะทำเต็มที่ทุกครั้ง ขอแค่ได้หนึ่งบาทก็ถือว่าได้เริ่ม แล้วค่อยมาคิดต่อว่าจะทำยังไงให้มันดีขึ้นได้มากกว่านี้ เมื่อก่อนร้านกาฝากก็ขอแค่เปิดบิลได้ แล้วก็มาปรับเรื่องบริการ ดูว่ามีเมนูอะไรที่จะทำให้เราได้กำไรเยอะขึ้น ค่อย ๆ วางเป้าหมาย แล้วก็ทำไปเรื่อย ๆ ครับ


สรุปส่งท้าย ฝากร้าน

เชิญชวนลูกค้ามาร้านกาฝาก
Smell Lemongrass ซื้อได้ที่ไหน

สำหรับลูกค้าร้านกาฝากก็อยากให้ลองมาทานกัน เราให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความสะอาด และการบริการเสมอ ภายในร้านมีแอร์ อากาศปลอดโปร่ง มีทั้งเมนูสังขยาที่เราทำเอง และขนมปังให้เลือกทาน โดยเฉพาะชาไทยหิมะต้องมาลองครับ นอกจากนี้ก็ยังมียาดมแบรนด์กาฝากให้เลือกซื้อด้วยครับ

สำหรับ Smell Lemongrass เป็นผลิตภัณฑ์ตะไคร้หอมจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี ไม่ใส่สารสังเคราะห์กลิ่น แนะนำเป็นสเปรย์กันยุงครับ สามารถหาซื้อได้ที่ HuaHin Market Village ตลาดโต้รุ่ง และตามช่องทางออนไลน์ Shopee Lazada TikTok Shop ค้นหาว่า “Smell Lemongrass” ได้เลยครับ


ข้อมูลติดต่อ

🍞 กาฝาก สังขยาหัวหิน – Kafak HuaHin
🚗 ถนนเพชรเกษม ตรงข้ามปั้มเอสโซ่
⏰ 14:00 – 21.30 (หยุดทุกวันอังคาร)
🌏 Google Map

🌿 Smell Lemongrass

Avatar photo
พวกเราหัวหินทาวน์ จะมาบอกเล่าเรื่องราวดีดีๆเกี่ยวกับหัวหินให้เพื่อนๆได้ชมกันนะคะ คิดถึงหัวหิน คิดถึงพวกเรา หัวหินทาวน์