ทุเรียนป่าละอู ผลผลิตขึ้นชื่อของหัวหิน ด้วยรสชาติที่หอม หวาน มัน กลิ่นไม่ฉุน หมอนทองของที่นี่ได้การรับรองให้เป็นผลไม้ GI (GI คือ เครื่องหมายที่มอบให้กับสินค้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นนั้นๆ) ทำให้แต่ละปีในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. จะมีนักท่องเที่ยวมากมายแวะเวียนมาหัวหินเพื่อชิมทุเรียนป่าละอู และ “ไร่ทวีกาญจน์” คือผู้ปลูกทุเรียนป่าละอูที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพสูงที่สุดแห่งนึงในหัวหิน
นอกจากทุเรียนป่าละอูแล้ว ที่นี่ยังเป็นฟาร์มสเตย์ท่ามกลางธรรมชาติ และร้านอาหารที่หลายคนติดใจ ความพิเศษของที่นี่เป็นยังไง ทุเรียนป่าละอูจะน่าสนใจแค่ไหน หาคำตอบพร้อมกันผ่านบทสัมภาษณ์นี้ได้เลย
แนะนำตัวคุณกิ๊ก และไร่ทวีกาญจน์ อยู่ที่ไหน มีบริการอะไรบ้าง
สวัสดีค่ะ กิ๊กนะคะ ไร่ทวีกาญจน์ของเราอยู่ที่ป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อยู่สุดเขตของห้วยสัตว์ใหญ่เลยค่ะ มีบริการที่พัก เป็นแนวฟาร์มสเตย์เล็ก ๆ ลานกางเต็นท์ ร้านอาหาร โซนคาเฟ่ แล้วก็มีทุเรียนป่าละอูค่ะ
จุดเริ่มต้นและความเป็นมาของไร่ทวีกาญจน์
“ทวีกาญจน์” มาจากนามสกุลของที่บ้านเองค่ะ เราเอามาตั้งเป็นชื่อไร่ เดิมมีแต่พื้นที่เกษตร เนื่องจากคุณแม่เป็นเกษตรกร ทำไร่มา 40-50 ปี ตั้งแต่หนูจำความได้ เมื่อก่อนเราทำสวนยางพาราเป็นหลัก แล้วก็พวกพืชเศรษฐกิจ เช่น มะนาว มะม่วง สับปะรด เพิ่งจะมาปลูกทุเรียนได้เมื่อสิบกว่าปีก่อนนี่เองค่ะ เนื่องจากอายุของต้นยางพาราบางโซนแก่แล้ว หมดอายุที่จะกรีดได้ เราจึงเอาต้นยางพาราออก แล้วเริ่มใหม่โดยการหันมาปลูกทุเรียนแทน ระหว่างที่รอโต เราก็ปลูกกล้วยหอมส่งขาย พอทุเรียนโตได้ระดับหนึ่งแล้วก็ตัดกล้วยหอมออกแล้วปลูกเป็นทุเรียนเต็มตัวแทนค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีมังคุด เงาะ มะยงชิด บ้างแต่ไม่เยอะค่ะ
หลังจากทุเรียนที่ไร่เริ่มออกผลผลิต ประมาณช่วงปี 2561 ก็เป็นช่วงที่เราเรียนจบไปทำงานที่อื่น แล้วกลับมาอยู่บ้านพอดี ประกอบกับสมัยนั้นทุเรียนป่าละอูยังไม่บูมมาก พอเรามีผลผลิตอยู่ในมือ แต่ไม่มีตลาด ก็ต้องมาเร่ขายในเมืองหัวหิน ที่บ้านจึงคุยกันว่าเราทำตลาดบนไร่ แล้วให้ลูกค้าขึ้นไปหาเราดีกว่า แล้วก็เริ่มทำโซนที่พักเป็นฟาร์มสเตย์เล็ก ๆ เพิ่มเข้ามาค่ะ
แนวคิดและคอนเซ็ปต์ในการทำไร่ทวีกาญจน์คืออะไร แบ่งพื้นที่ไว้ยังไงบ้าง
เราเลือกกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้เป็นแนว adventure แต่เป็นแนวที่ชอบธรรมชาติจริง ๆ มาอยู่กับความเงียบ ใช้ชีวิตแบบ slow life ท่ามกลางธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบ ช่วงโควิดกลายเป็นช่วงพีคของที่ไร่ เพราะคนเดินทางไปที่อื่นไม่ได้ คนในพื้นที่ระแวกปราณ ชะอำ หัวหิน ขึ้นไปเที่ยวที่ไร่เยอะมากค่ะ กลายเป็นจุดที่มีแขกตลอดทั้งปี คนหลีกเมืองเข้าป่าเสียด้วยซ้ำค่ะ
เราแบ่งพื้นที่ของสวนประมาณ 10-20 % มาทำเป็นที่พักแบบฟาร์มสเตย์เล็ก ๆ เดิมมีห้องแค่นิดเดียว แล้วก็เริ่มขยายเพิ่มนิดหน่อยตามพื้นที่ เพราะจุดประสงค์แรกคือเราอยากขายของในพื้นที่ของเรา แต่หลัง ๆ มีลูกค้าเริ่มสนใจธรรมชาติตรงโซนนั้นมากขึ้น เราจึงเพิ่มลานกางเต็นท์เข้ามา รองรับได้ 200 คนขึ้นไป ถึงแม้ไม่มีเต็นท์ให้เช่า แต่เราก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ มีห้องน้ำ มีปลั๊กไฟ มีจุดสำหรับให้เล่นน้ำ พายเรือได้ แล้วก็มีห้องพักอีกทั้งหมด 13 ห้องค่ะ
ประสบการณ์แบบไหนที่ไร่ทวีกาญจน์ตั้งใจมอบให้แก่ผู้มาเยือน และสิ่งไหนที่ลูกค้าบอกต่อมากที่สุด
เราอยากให้มาถึงถิ่นเลย มาใกล้ชิดธรรมชาติ มาดูว่าทุเรียนป่าละอูมันเป็นแบบนี้นะ ปีแรก ๆ ที่ส่งออนไลน์เราเจอปัญหาเยอะ ถ้าลูกค้าแกะแล้วเจออะไร เราส่งลูกใหม่ไปให้เลย เขาก็ตามกลับมาที่สวน มันเป็นความสัมพันธ์ที่เราอยากมอบให้ลูกค้าตั้งแต่แรก ๆ เลยค่ะ เหมือนกับว่าเราก็ต้องเรียนรู้ไปด้วยกันจะได้เป็นลูกค้ากันยาว ๆ กลายเป็นว่าหน้าทุเรียนลูกค้าเยอะยิ่งกว่าหน้าหนาวของไร่อีก ช่วงหน้าทุเรียนที่พักจะค่อนข้างเต็ม ลูกค้าที่ชอบทุเรียนจริง ๆ จะมาจองในช่วงนี้แหละค่ะ จองกันข้ามปีเลย
ลูกค้าส่วนใหญ่จะบอกต่อกันเรื่องการบริการค่ะ เด็ก ๆ ของเราค่อนข้างเข้าใจคอนเซ็ปต์ของงานบริการดี แล้วก็เป็นชาวบ้านในพื้นที่ มาฝึกงาน แล้วช่วยกันชิม ช่วยกันทำ เขาก็จะมีเสน่ห์ในแบบที่ลูกค้าชื่นชอบ แล้วก็เรื่องอาหารค่ะ อาหารของเราจะออกรสชาติจัด ๆ หน่อยตามแบบของคนพื้นที่ อีกเรื่องก็น่าจะเป็นความเงียบสงบและธรรมชาติค่ะ ลูกค้าที่กลับมาทุกปีก็จะเป็นลูกค้าประจำซะเยอะค่ะ
มองภาพไร่ทวีกาญจน์ในอนาคตไว้ยังไง อยากจะพัฒนาไปทางไหน
ถ้าเป็นที่พักคงไม่ขยายเพิ่มเติมแล้วค่ะ เราทำแค่พอรองรับลูกค้าที่ขึ้นไปเที่ยวบนไร่ อนาคตก็อาจจะขยายในแง่ของการเกษตร ชูทุเรียนเป็นหลัก และพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปเรื่อย ๆ อย่างตอนนี้เราก็มีผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ เช่น ไอศกรีมทุเรียน ทุเรียนกวน พิซซ่าหน้าทุเรียน เค้กทุเรียน ขนมเปี๊ยะทุเรียน ต่อไปก็กำลังจะมีกาแฟทุเรียน หรืออาจจะเป็นการผลักดันสินค้าในชุมชน เนื่องจากชาวบ้านหลาย ๆ คนเขาไม่มีตลาด เราก็ช่วยระบายของในชุมชนได้ อย่างปีที่ผ่านมาก็มีการเอาเงาะของชาวไร่มาวางขายที่หน้าสวน แล้วก็กระจายลงสาขาล่าง ซึ่งมันก็ไปได้ดี แล้วเราก็ยังโคกับสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ด้วย บางทีเขาระบายของไม่ทัน เราก็ช่วยหาตลาดให้ได้ค่ะ ถ้านึกถึงทุเรียนป่าละอู อยากให้นึกถึงที่ไร่เลยค่ะ
ทุเรียนป่าละอูคืออะไร แตกต่างจากทุเรียนสายพันธุ์อื่นยังไง
จริง ๆ ทุเรียนป่าละอูก็คือทุเรียนพันธุ์หมอนทองเหมือนกับพื้นที่อื่น แต่จด GI เป็นป่าละอู สถานที่ปลูกคือป่าละอูค่ะ และเนื่องจากแร่ธาตุในดิน ปริมาณน้ำในแต่ละปี ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อรสชาติของทุเรียนมาก ๆ รวมถึงภูมิอากาศ มันไม่เท่ากับที่อื่น จึงทำให้ความเข้มข้นในรสชาติและเนื้อสัมผัสไม่เหมือนกัน ด้วยประจวบฯ เป็นจุดที่ค่อนข้างแล้ง ผลไม้ที่ปลูกในโซนนี้ก็เลยจะค่อนข้างเข้มข้น เพราะไม่มีปริมาณน้ำฝนมาทำให้เจือจาง จุดเด่นของทุเรียนป่าละอูเลยก็คือกลิ่นจะบางกว่า มีรสชาติหวาน มัน ซึ่งต่างจากทุเรียนสายพันธุ์อื่นค่ะ
ทุเรียนป่าละอูของไร่ทวีกาญจน์มีความพิเศษยังไง สั่งซื้อได้ช่องทางไหนบ้าง
เราพัฒนาผลิตภัณฑ์มาเรื่อย ๆ จนตอนนี้เหมือนเริ่มจับจุดในการดูแลทุเรียนถูกแล้วค่ะ แล้วก็จะพยายามรักษาคุณภาพให้ดีแบบนี้ต่อไป ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ทางเพจเฟซบุ๊ก “ไร่ทวีกาญจน์ Taweekarn Farm” และทางไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะแปะ Qr Code ไว้บนกล่องที่ส่งออนไลน์ทั้งหมด แต่หลัก ๆ คือรับซื้อในเพจเฟซบุ๊ก แล้วก็มีหน้าร้าน คือ บนไร่กับที่ร้านสาขาล่างค่ะ แพลนไว้ว่าจะเปิดทุกปี เนื่องจากตรงนี้สะดวกกับลูกค้ามากกว่า หลายคนเป็นลูกค้าประจำ แต่ไม่สะดวกขึ้นไปบนไร่ เขาก็จะมาตรงนี้แทน มากันวันเว้นวันเลยก็มี
พัฒนาการของทุเรียนป่าละอูจากแรกเริ่มจนปัจจุบัน และทิศทางในอนาคต
เรายังมือใหม่กันทั้งนั้นเลย ต้นที่เก่าแก่ที่สุดก็ยังไม่ได้เก่าแก่มากขนาดนั้นค่ะ ทุเรียนป่าละอูเป็นที่รู้จักอาจจะด้วยรสชาติที่คนเอาไปบอกต่อว่ามันหวาน ทำให้คนหันมาสนใจทุเรียนป่าละอูมากขึ้น จนทำให้ตอนนี้ 80-90 % ของพื้นที่ปลูกทุเรียนทั้งหมด แต่ละสวนก็จะมีลูกหลานคนรุ่นใหม่ที่เรียนจบแล้วกลับมาทำเพจของตัวเองเยอะขึ้น มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในการดูแลทุเรียนให้มีคุณภาพดีขึ้น การเป็นสมาชิกของสหกรณ์ก็จะทำให้ลูกค้ามั่นใจในการซื้อด้วย เนื่องจากจะมีการคัดเกรดกันตอนซื้อ ทำให้เราต้องกลับไปดูว่าคุณภาพของเราสามารถทำได้ถึงเกณฑ์ของเขาไหม แนวโน้มในอนาคตคุณภาพของทุเรียนก็น่าจะดีขึ้นตามไปด้วยค่ะ
ทุเรียนป่าละอูมีกลุ่มลูกค้าเป็นคนไทย หากเทียบกับทางจันทบุรีที่เป็นตลาดส่งออก ซึ่งมันกว้างกว่าป่าละอูมาก เราเคยไปศึกษาเรื่องล้งที่จันทบุรีเลย แล้วก็รู้ว่าทุเรียนป่าละอูยังไม่ได้มีปริมาณมากพอที่จะปิดตู้ได้ค่ะ เพราะฉะนั้นการจะทำเป็นอุตสาหกรรมเลยก็อาจจะอีกหลายปี นอกจากนี้พอราคาค่อนข้างสูง ชาวต่างชาติไม่เข้าใจว่าอร่อยกว่าที่อื่นยังไง ทำไมต้องจ่ายแพง ซึ่งเราสังเกตจากลูกค้าคนจีนที่ขึ้นไปบนไร่ เขาก็ซื้อกิน แต่ไม่ซื้อกลับ กลายเป็นว่าตลาดหลักของไร่คือคนไทย ที่มักซื้อทุเรียนกลับไปเป็นของฝากให้ผู้ใหญ่ หรือให้เป็นของขวัญค่ะ
ฝากข้อแนะนำถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ก่อนอื่นเราต้องสำรวจตัวเองก่อนค่ะ ตอนตัดสินใจจะทำก็ไม่คิดว่าจะเจอปัญหาเยอะ แต่พอลองมาทำแล้วจะรู้เลยว่า ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบในสิ่งที่เราเลือกก็จะเจอปัญหาระหว่างทางเยอะมาก ยิ่งถ้าหากเราเป็นเจ้าของกิจการ มันมีอะไรที่ต้องโอบอุ้มเยอะ เพราะฉะนั้นถ้าใจเราไม่ไปตั้งแต่แรก มันจะล้มง่ายค่ะ บางภาวะเรานึกถึงความเหนื่อยล้าไม่ได้เลยเพราะเราจะล้มทันที ต้องแน่วแน่จริง ๆ ถึงจะไปต่อได้ เพราะว่าอุปสรรคมันมีตลอด ยิ่งในช่วงเปลี่ยนผ่านเหมือนเป็นรอยต่อระหว่างเจน การจะทำให้แม่เห็นว่าสามารถปล่อยมือเปลี่ยนผ่านมาให้เราดูแลได้ 100% ก็ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองประมาณหนึ่งค่ะ ตอนนี้หนูดูแลเองทั้งหมด ดูแผนกไร่ด้วย คุมงานในไร่ทั้งหมดค่ะ
ภาพ : Facebook ไร่ทวีกาญจน์
สรุปส่งท้ายฝากร้าน
ไร่ทวีกาญจน์เป็นไร่ทุเรียนป่าละอูนะคะ ซึ่งจริง ๆ ในป่าละอูมีทุเรียนหลายส่วนมาก แต่ที่ไร่เรา มีสิ่งหนึ่งที่จะบอกกับเด็กทุกคนเหมือนกันเลยว่า ถ้าลูกค้ามาแล้วซื้อไป เจอไม่ดี ไม่อร่อย คือขอให้เปลี่ยน ขอให้กลับมาบอก เพราะเรารู้ว่าทุเรียนป่าละอูเป็นผลิตภัณฑ์ทางธรรมชาติที่มองไม่เห็นข้างใน และราคาค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร ต่อให้รสชาติจืด หรือแกะไม่เป็น อยากให้เข้ามาบอกได้เลยค่ะ เรายินดีรับผิดชอบทุกกรณี เมื่อจ่ายเงินแล้ว เราอยากให้คุณได้กินของดี ไม่อยากให้ลูกค้าต้องเสียเงินแล้วต้องเสียความรู้สึกค่ะ
สำหรับลูกค้าเก่า จริง ๆ แล้วน่ารักมากที่มาทุกปี จนบางคนเหมือนญาติไปแล้วค่ะ มาปีละหลาย ๆ รอบก็มี พอหน้าทุเรียนเราจะรู้ทันทีเลยว่าต้องโทรหาเขา หนูว่าเราดูแลกันมาได้โอเคแล้ว และสัญญาว่าจะดูแลอย่างนี้เรื่อยไป ไม่หายไปไหนแน่นอนค่ะ
ข้อมูลติดต่อ
ไร่ทวีกาญจน์ Taweekarn Farm
🌳 ฟาร์มสเตย์ ป่าละอู
▶ Google Maps
🍈 สาขาย่อย ซอยหัวหิน 45
▶ Google Maps
📞 062 136 1362