People คนที่นี่

สัมภาษณ์ “ชุมชนชาวประมงหัวหิน” กับประเพณีท้องถิ่นที่สืบทอดมาเกือบร้อยปี

ถ้าพูดถึงประเพณีที่สะท้อนหัวใจของหัวหินอย่างแท้จริง “พิธีส่งเคราะห์ทางทะเล” ของชุมชนชาวประมงคือหนึ่งในนั้น งานบุญเก่าแก่ที่ไม่เพียงแต่สะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อ หากยังเป็นเสมือนการบันทึกเรื่องราวรากเหง้าและวิถีชีวิตที่ทำให้หัวหินกลายเป็นเมืองอย่างทุกวันนี้ ลองไปฟังเสียงเล่าขานจากคนในชุมชนชาวประมงหัวหิน ถ่ายทอดโดย คุณอานนท์ มากหมู่, คุณธรรมเนียม พ่วงใหญ่, นางสาวสิริมา ฮึกหาญ, นางทัศนีย์ เทียมทัด และคุณสัมฤทธิ์ จันทมณี ผู้สืบสานเรื่องราวรากเหง้าและประวัติศาสตร์ที่ทำให้ที่นี่กลายเป็น ชุมชนต้นกำเนิดหัวหิน


ชุมชนชาวประมงหัวหินเริ่มรวมตัวกันตั้งแต่เมื่อไหร่ และอยู่กันมายาวนานแค่ไหนแล้ว

ชุมชนชาวประมงหัวหินถือเป็นหนึ่งในรากฐานดั้งเดิมของเมืองหัวหิน ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. 2377 สมัยรัชกาลที่ 3 ชาวบ้านจากบางจานและบางแก้ว จังหวัดเพชรบุรี ต้องเผชิญกับความแร้นแค้นและความยากลำบากในการทำมาหากิน จึงรวมกลุ่มกันอพยพลงมาทางใต้ จนมาถึง “บ้านสมอเรียง” ซึ่งเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งแหล่งน้ำจืด คลอง และติดชายทะเล เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานใหม่

ในระยะแรก ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ปลูกแตงโมและข้าว โดยแตงโมบ้านสมอเรียงขึ้นชื่อว่ามีรสชาติดีและคุณภาพเยี่ยม ก่อนที่บางส่วนจะหันมาเริ่มทำประมง เมื่อเวลาผ่านไป ความเป็นอยู่เริ่มมั่นคงมากขึ้นจากการค้าขายและแลกเปลี่ยนสินค้ากับพ่อค้าวาณิช ทำให้ผู้คนตั้งหลักแหล่งถาวรและไม่ย้อนกลับไปบ้านเกิดเดิม

พื้นที่ตั้งแต่สะพานปลาจนถึงศาลเจ้าแม่ทับทิมจึงกลายเป็นศูนย์กลางของชุมชนชาวประมง ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งทำมาหากิน แต่ยังเป็นรากฐานของความเป็น “ต้นกำเนิดหัวหิน” อย่างแท้จริง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น บ้านเรือนเก่าอายุกว่าร้อยปี ยังคงปรากฏให้เห็นมาจนถึงปัจจุบัน

“ก็นับจากสะพานปลาปัจจุบันถึงศาลเจ้าแม่ทับทิม…บ้านเก่า ๆ เนี่ยยังมีให้เห็นนะครับ อายุเป็นร้อยปีไปเดินชมได้…พวกเราคือผู้บุกเบิก หัวหินเกิดได้เพราะตรงนี้นะครับ” – คำพูดจากชาวบ้าน


วิถีชีวิตของชาวประมงที่นี่เป็นยังไงบ้าง แต่ก่อนกับตอนนี้ต่างกันยังไง

วิถีประมงหัวหินเริ่มอย่างเรียบง่าย ทุกครอบครัวมีเพียงเรือเล็กออกหาปลาหรือหมึกตามชายฝั่ง ใครที่มีกำลังก็สร้างเรือใบออกไปไกลกว่า ต่อมาชุมชนพัฒนาเป็นการทำ “โป๊ะ” ใช้ดักปลาจำนวนมากและดำเนินต่อเนื่องกว่าร้อยปี ก่อนจะหมดไปเมื่อเทคโนโลยีใหม่เข้ามา

ยุคถัดมาเกิดการใช้ “เรือตังเก” ที่ต้องใช้แรงงานกว่า 20 คน พร้อมเครื่องจักรกล จากนั้นพัฒนาเป็น “อวนล้อม” หรือ “อวนดำ” ซึ่งทำให้การทำประมงก้าวไปอีกขั้น และถือเป็นยุคที่ทะเลหัวหินอุดมสมบูรณ์ที่สุด หาปลา หอย หมึก และสัตว์ทะเลนานาชนิดได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อทรัพยากรลดลงและกฎหมายเข้มงวด ประมงเชิงพาณิชย์ก็ค่อย ๆ ซบเซา

ปัจจุบัน ชาวบ้านหันกลับมาสู่ “ประมงพื้นบ้าน” ใช้เรือเล็กและภูมิปัญญาท้องถิ่น ออกหาปลาตามฤดูกาล มีราว 200 ลำในพื้นที่ตั้งแต่บ้านตะเกียบถึงบ่อฝ้าย รายได้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยเฉพาะช่วง “ลมว่าว” สองเดือนต่อปีที่คลื่นลมแรงจนไม่สามารถออกเรือได้ หลายครอบครัวจึงปรับตัวด้วยการรับนักท่องเที่ยวเช่าเรือออกไปตกปลาและตกหมึก เป็นรายได้เสริมควบคู่กับวิถีประมงดั้งเดิม

“ปัจจุบันส่วนมากประมงของเรายังเป็นในลักษณะประมงพื้นบ้านครับ ลำเล็ก ๆ…ไม่มีหมึกก็ตกปลา ไม่มีปลาก็ตีหมึก…รายได้ก็แล้วแต่ฤดูกาลครับ” – คำพูดจากชาวบ้าน


อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนที่นี่ ยังคงทำอาชีพประมงอยู่เหมือนเดิม และอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนมาจนถึงวันนี้

แม้จะเผชิญความไม่แน่นอนด้านรายได้และข้อจำกัดจากกฎหมาย แต่สิ่งที่ทำให้คนในชุมชนยังคงยึดอาชีพประมงคือ “ความผูกพันกับทะเล” และความทรงจำของบรรพบุรุษ ทะเลถูกมองว่าเป็นสายใยของชีวิตและเป็นมรดกทางจิตใจที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน การรวมกลุ่มกันเป็นชุมชนทำให้เกิดการช่วยเหลือเกื้อกูลและสร้างแรงใจให้ดำรงวิถีนี้ต่อไป แม้จะมีข้อจำกัดด้านรายได้ แต่คนในชุมชนยังคงมองว่าเป็นวิถีที่คุ้มค่าที่จะสืบทอด

“ก็ยังพอเลี้ยงชีพได้…เพราะสายน้ำเป็นสายน้ำแห่งชีวิตของพวกเราเลย” – คำพูดจากชาวบ้าน


ได้ยินว่ามีประเพณีเก่าแก่ชื่อ “พิธีส่งเคราะห์ทางทะเล” อยากให้เล่าหน่อยว่ามีความเป็นมายังไง แล้วทำขึ้นเพื่ออะไร

หนึ่งในพิธีกรรมเก่าแก่ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชุมชนชาวประมงหัวหินคือ “พิธีส่งเคราะห์ทางทะเล” ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนกันยายน มีจุดมุ่งหมายเพื่อสะเดาะเคราะห์ ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากชีวิต และอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ โดยเฉพาะผู้ที่ล่วงลับในท้องทะเล

รากฐานของพิธีนี้สืบทอดมาตั้งแต่บรรพชนอพยพมาอยู่หัวหิน พวกเขานำเอาความเชื่อและประเพณีติดตัวมาด้วย เริ่มจากการบวงสรวงบอกกล่าวเจ้าพ่อเจ้าแม่ ก่อนออกเรือเพื่อให้การทำมาหากินประสบความสำเร็จ ต่อมามีการทำบุญ “สันเนิน” ก่อนประเพณีสารทเดือนสิบ อุทิศส่วนกุศลแก่ผู้เสียชีวิตและผู้ที่ลูกหลานนำอัฐิไปลอยหน้าหาดหัวหิน

เมื่อครั้งหนึ่งเกิดโรคระบาดในชุมชน ผู้คนหวาดกลัวและขาดกำลังใจ จึงได้เพิ่มพิธี “สะเดาะเคราะห์” เข้าไปในการทำบุญ โดยใช้ตุ๊กตาแทนตัวบุคคลและครอบครัว เดิมทีปั้นจากดินเหนียว ต่อมาเปลี่ยนเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ เพื่อไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผู้เข้าร่วมจะเขียนชื่อ–นามสกุลลงบนตุ๊กตา อธิษฐานฝากเคราะห์และโรคภัยให้สายน้ำพาออกไปสู่ทะเล จากนั้นตุ๊กตาจะถูกบรรจุในเรือพิธีและลากออกไปกลางทะเล ก่อนปล่อยให้จมลงสู่ก้นน้ำ ปัจจุบันชุมชนยังคงรักษาพิธีกรรมนี้ไว้ แต่ได้ปรับให้สอดคล้องกับยุคสมัย โดยนำเรือกลับมาใช้ซ้ำและลดการทิ้งขยะลงทะเล

พิธีการเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน โดยนำเรือพิธีไปจอดหน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม เช้าวันที่ 7 จะมีพระสงฆ์ 9 รูปเจริญพระพุทธมนต์และทำบังสกุลอุทิศให้ผู้ล่วงลับ ก่อนเข้าสู่พิธีบวงสรวงเจ้าสมุทรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เครื่องสังเวยที่ถวายแล้วจะถูกแบ่งปันเป็นของมงคลแก่ผู้เข้าร่วม พร้อมกับการจุดประทัดบอกกล่าวฟ้าดิน 

ไฮไลท์ของงานคือช่วงเคลื่อนเรือพิธีลงทะเล ทุกคนในชุมชนจะมาช่วยกันดันเรือ แล้วเรือพื้นบ้านจะลากออกไปกลางทะเล ถือเป็นสัญลักษณ์ของการส่งเคราะห์ออกจากชีวิต และตามความเชื่อจีนยังเปรียบเสมือนการเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติให้พบสิ่งดีในอนาคต

ภาพจากเพจ Hua Hin Pocket Guide

จากการเล่าขานของผู้เฒ่าผู้แก่ พิธี “สันเนิน” มีอายุกว่าร้อยปี ส่วนการใช้ตุ๊กตาแทนตัวก็มีมานานไม่ต่ำกว่า 70 ปี ปัจจุบันพิธีนี้ได้รับการบันทึกไว้ว่าเป็น “Unseen” ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นักท่องเที่ยวที่มาร่วมต่างบอกว่ารู้สึกสบายใจ และหลายคนก็กลับมาอีกในปีถัดไป

นอกจากการประกอบพิธีกรรมแล้ว งานนี้ยังเป็นเหมือนงานบุญของชุมชน มีโรงทานอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มที่ชาวบ้านช่วยกันจัดเลี้ยงฟรี เพื่อแบ่งปันบุญกุศลแก่ผู้เข้าร่วมทุกคน

“เราจะเขียนชื่อ…อธิษฐานว่าทุกข์โศกโรคภัยสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต…แล้วเรือก็จะลากออกไปกลางทะเล” – คำพูดจากชาวบ้าน


พิธีนี้มีความสำคัญยังไงกับชาวประมง แล้วทำให้คนในชุมชนได้มาร่วมมือกันแบบไหนบ้าง

พิธีส่งเคราะห์ทางทะเลไม่ได้เป็นเพียงมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมาเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมใจของทั้งชุมชน ทุกครอบครัวต่างมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมเครื่องสังเวย การบวงสรวงและจุดประทัด การช่วยกันเคลื่อนเรือพิธีลงทะเล ไปจนถึงการจัดโรงทานเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มฟรีแก่ผู้เข้าร่วมงาน

ภาพจากเพจ Hua Hin Pocket Guide

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีที่หยั่งรากลึกในวิถีชีวิตของชาวประมง พิธีกรรมไม่เพียงทำหน้าที่สะเดาะเคราะห์ ปัดเป่าสิ่งไม่ดี แต่ยังเป็นโอกาสที่ทุกคนได้มาสร้างขวัญกำลังใจร่วมกัน การรวมตัวกันเช่นนี้ทำให้ชุมชนรู้สึกเป็นหนึ่งเดียว ภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของตนเอง และตระหนักถึงคุณค่าของการสืบสานประเพณีที่ผูกพันกับทะเลมายาวนาน

“คือใครก็อยากจะเข้าไปมีส่วนร่วม…เพราะว่าเราจะทำการสะเดาะเคราะห์ ส่งเคราะห์ออกไป…โรงทานมีอาหาร มีน้ำดื่ม ฟรีหมดครับ” – คำพูดจากชาวบ้าน


ถ้ามีคนนอกหรือคนมาเที่ยว อยากเรียนรู้หรือมาร่วมพิธีนี้ด้วย ชุมชนอยากฝากอะไรถึงพวกเขาบ้าง

ชุมชนชาวประมงหัวหินยินดีต้อนรับทั้งคนในและคนนอกให้เข้ามามีส่วนร่วมใน พิธีส่งเคราะห์ทางทะเล เพราะนอกจากจะได้ร่วมสะเดาะเคราะห์เพื่อความสบายใจแล้ว ยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมา และสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมที่อยู่คู่หัวหินมายาวนาน

ผู้สนใจสามารถมาร่วมเขียนชื่อตุ๊กตาส่งเคราะห์ได้ที่ วัดหัวหิน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 6 กันยายน เวลา 09:00–13:00 น. และเข้าร่วมพิธีใหญ่ในวันที่ 7 กันยายน เวลา 08:00–13:00 น. ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม ภายในงานจะมีทั้งพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญบังสกุล บวงสรวงเจ้าสมุทร และการเคลื่อนเรือพิธีลงทะเลอย่างเต็มรูปแบบ

ตลอดทั้งงานยังมีโรงทานอาหารและเครื่องดื่มฟรีที่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจจัดขึ้น เพื่อแบ่งปันบุญกุศลแก่ผู้เข้าร่วม ทุกคนที่มาจะไม่เพียงได้สัมผัสพิธีกรรมอันทรงคุณค่า หากยังได้เห็นถึงบรรยากาศแห่งศรัทธา ความสามัคคี และความอบอุ่นของชุมชนหัวหินอย่างใกล้ชิด

“อยากชวนทุกคนเข้ามาดู ว่าประเพณีนี้มีความเป็นมายังไง ทำไมถึงเรียกว่าส่งเคราะห์ทางทะเล” – คำพูดจากชาวบ้าน


สำหรับอนาคต อยากให้คนภายนอกหรือคนรุ่นใหม่รู้จักชุมชนชาวประมงหัวหินในมุมไหนมากที่สุด

สำหรับอนาคต สิ่งที่ชุมชนชาวประมงหัวหินอยากให้คนภายนอกและคนรุ่นใหม่ได้รับรู้ก็คือ ที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่ย่านชุมชนเล็ก ๆ ริมทะเล แต่คือ “ชุมชนต้นกำเนิดหัวหิน” บ้านเก่าแก่ที่บรรจุเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตดั้งเดิมเอาไว้ หากพื้นที่นี้ถูกรื้อถอน อัตลักษณ์ของเมืองหัวหินก็จะสูญสลายตามไปด้วย

การรักษาชุมชนประมงหัวหินจึงไม่ใช่เพียงการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการรักษาความทรงจำร่วมของผู้คน การสืบทอดวิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกับทะเล และการคงอยู่ของประเพณีที่เป็นรากเหง้าของเมือง หากได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุคสมัย ที่นี่จะสามารถเป็นทั้งหลักฐานทางวัฒนธรรมและศูนย์กลางการเรียนรู้ให้กับคนรุ่นต่อไป

ความปรารถนาของชาวบ้านคือให้ชุมชนแห่งนี้ยังคงเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเข้ามาสัมผัสประวัติศาสตร์ เรียนรู้วิถีชีวิต และเห็นคุณค่าของรากเหง้าที่แท้จริงของหัวหินได้ด้วยตนเอง

“เรื่องเล่าชาวหัวหิน ถ้าตรงนี้ยังอยู่ ประเพณีก็ยังอยู่…ถ้าตรงนี้ไม่มี ประเพณีก็หาย…ต้นกำเนิดหัวหินก็จะหายไปด้วย” – คำพูดจากชาวบ้าน


สุดท้าย อยากฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่ หรือคนที่มาเยี่ยมชม เพื่อให้ช่วยกันรักษาวิถีชีวิตกับประเพณีของชุมชนเอาไว้ต่อไป

ชาวชุมชนอยากเชิญชวนให้ทุกคนได้ลองมาสัมผัสพิธีส่งเคราะห์ทางทะเลด้วยตนเอง เพราะนอกจากจะเป็นการสะเดาะเคราะห์สร้างความสบายใจแล้ว ยังเป็นการช่วยกันรักษาวิถีชีวิตและมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หากทุกคนช่วยกันเข้าร่วมและเผยแพร่ คุณค่าของประเพณีและชุมชนก็จะยังคงอยู่คู่เมืองหัวหินต่อไป ความหวังสูงสุดของชาวบ้านคือให้คนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของการรักษาชุมชนเก่า ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม

“ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเพณีพื้นบ้านที่เราก็อยากให้มันอยู่คู่หัวหินไปอีกนาน ๆ…เราผู้บุกเบิก ไม่ใช่ผู้บุกรุก” – คำพูดจากชาวบ้าน

Avatar photo
พวกเราหัวหินทาวน์ จะมาบอกเล่าเรื่องราวดีดีๆเกี่ยวกับหัวหินให้เพื่อนๆได้ชมกันนะคะ คิดถึงหัวหิน คิดถึงพวกเรา หัวหินทาวน์