หัวหิน หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 อย่างสาหัส โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ที่ต้องเรียกว่าอยู่ในอาการโคม่า การขาดแคลนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติส่งผลต่อเศรษฐกิจของหัวหินรอบด้าน และกระทบถึงคนในพื้นที่อีกนับแสนคน
เงินเยียวยาจากภาครัฐอาจช่วยบรรเทาอาการได้ในระยะหนึ่ง แต่ถ้ายังฟื้นการท่องเที่ยวไม่ได้ หัวหินคงไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม และตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของเมืองกลับมาอีกครั้งคือ “วัคซีน” โครงการ Hua Hin Recharge จึงถูกเขียนขึ้นมาเพื่อภารกิจเดียว นั่นคือการเร่งจัดหาวัคซีนเพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่หัวหิน เมื่อชุมชนปลอดภัย นักท่องเที่ยวมั่นใจ หัวหินก็จะกลับมาคึกคักได้เหมือนเดิม แต่โครงการนี้จะมีโอกาสสำเร็จได้แค่ไหน ลองไปดูพร้อมๆกัน
เป้าหมายของโครงการ
โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ หอการค้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ และภาคเอกชนในพื้นที่หัวหิน ที่ร่วมประชุมร่างแผนงานขึ้นมาเพื่อนำเสนอให้กับรัฐบาล
วัตถุประสงค์ของโครงการคือขอให้ภาครัฐจัดหาวัคซีนสำหรับประชาชนในพื้นที่ บุคคลากรทางการแพทย์ และภาคธุรกิจท่องเที่ยวในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อเริ่มฉีดเข็มแรกภายใน 1 มิ.ย. 2564 และต่อยอดสู่แผนการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้วัคซีนครบ 2 โดส โดยไม่ต้องกักตัว ภายในวันที่ 1 ต.ค. 2564
เป้าหมาย 70% ของประชากรในพื้นที่ ได้รับวัคซีนครบภายใน 30 ก.ย. 2564
หากสำเร็จตามเป้า คาดว่าในเดือน ต.ค. – ธ.ค. 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาราว 100,000 คน สร้างรายได้กว่า 1,200 ล้านบาทให้กับหัวหิน ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร และทุกภาคส่วน รวมถึงแรงงานในภาคธุรกิจอีกกว่า 89,000 คน
ความท้าทายที่ต้องเผชิญ
ถึงแม้แผนงานจะชัดเจน แต่สถานการณ์ต่างๆก็ยังไม่แน่นอน และโครงการนี้ยังมีอีกหลายด่านที่ต้องเผชิญได้แก่
1. ปริมาณของวัคซีน ที่ยังมีไม่เพียงต่อความต้องการ ทางหัวหินได้ยื่นขอวัคซีนไปจำนวนทั้งสิ้น 300,000 โดส แต่อาจจะได้มาเพียงครึ่งหนึ่งเพราะหัวหินไม่ใช่เมืองเดียวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
คาดว่าประจวบจะได้รับจัดสรรวัคซีนราว 150,000 โดส
2. ความไม่แน่นอนของนโยบาย พื้นที่นำร่องอย่างภูเก็ตที่วางแผนจะเริ่มรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 1 ก.ค. นี้ ยังคงต้องลุ้นว่าจะสามารถทำตามแผนได้หรือไม่ เพราะปัจจุบันก็ยังได้รับวัคซีนไม่ครบตามต้องการ และมีแนวโน้มอาจจะล่าช้ากว่าเดิม อีกทั้งยังมีเรื่องของนักท่องเที่ยวที่จะรับเข้ามา ว่าจะอนุญาติให้เที่ยวได้ทั้งเกาะ หรือจำกัดแค่พื้นที่บางส่วน (Sealed Route) ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ แต่หากมีอะไรผิดพลาดก็อาจทำให้แผนทั้งหมดต้องเปลี่ยนแปลงไป
หากแผนงานของภูเก็ตคลาดเคลื่อน แผนของหัวหินก็อาจจะเลื่อนออกไปเช่นกัน
3. จำนวนนักท่องเที่ยวอาจไม่เป็นตามเป้า ในช่วงสถานการณ์ปกติ นักท่องเที่ยวต่างชาติมักวางแผนเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งปี หากภายใน 1-2 เดือนนี้แผนดำเนินงานของไทยยังไม่ชัดเจน อาจมีนักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยกว่าที่คาดก็เป็นได้
4. ความเข้าใจของประชาชนในพื้นที่ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด เพราะถึงแม้เราจะได้รับวัคซีนเกินกว่า 70% ของประชากร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะพร้อมรับนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาได้โดยไม่ต้องกักตัว ความกังวล และสับสนในข้อมูลต่างๆที่ได้รับ อาจทำให้เกิดความวิตกกังวล ถือเป็นเรื่องที่หน่วยงานในพื้นที่จำเป็นต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคนเข้าใจตรงกัน
การสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนเรื่องการรับวัคซีนและเปิดเมือง เป็นปัจจัยหลักที่สามารถเริ่มทำได้เลย
อัพเดทความคืบหน้า
7 พ.ค. 64
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ มีมติให้เริ่มเดินหน้าฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเปิดรับชาวต่างชาติได้เลย โดยแบ่งเป็น 4 ระยะ ซึ่งหัวหิน (ประจวบคีรีขันธ์) อยู่ในระยะที่ 3
เริ่ม 1 ต.ค. 64 รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบแล้วโดยไม่มีการกักตัว
ทั้งนี้ปัจจัยหลักที่จะทำให้เป็นตามแผนงานนี้คือปริมาณวัคซีนที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับ เพียงพอต่อความต้องการหรือยัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป
และทั้งหมดนี้คือรายละเอียดความคืบหน้าของแผนงาน HuaHin Recharge โปรเจคแห่งความหวัง หนึ่งในทางรอดของเมืองหัวหิน อนาคตอาจจะยังไม่แน่นอน แต่ปัจจุบันเรายังคงไม่ยอมแพ้และจะร่วมกันหาทางแก้ต่อไป หากเพื่อนๆมีข้อมูลอื่นๆอยากแสดงความคิดเห็น สามารถคอมเมนต์มาในเพจ HuaHin Town ได้เลยนะครับ แล้วพบกันที่หัวหินนะ